วันธรรมสวนะ หรือ “วันพระ”
นอกจากวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันอัฎฐมีบูชา วันเข้าพรรษา เเละวันออกพรรษาที่กำหนดให้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนวแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมี วันธรรมสวนะ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันพระ” ที่ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งเช่นกัน
ประวัติความเป็นมา
ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสารได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลว่านักบวชศาสนาอื่น มีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรมคำสั่งสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าศาสนาพุทธยังไม่มี พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาติให้ภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนาแก่ประชาชน ในวัน ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำ ดังกล่าวพุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็น วันธรรมสวนะ” โดยนับ
วันขึ้น ๘ ค่ำ
แรม ๘ ค่ำ
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ (วันเพ็ญ)
แรม ๑๕ ค่ำ (หากเดือนใดเป็นเดือนขาด ถือเอาวันแรม ๑๔ ค่ำ) ของทุกเดือน เป็นวันที่ชาวพุทธมาบำเพ็ญกุศลให้กับตนเอง วันธรรมสวนะนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล ซึ่งถือเป็นวันบำเพ็ญกุศลของชาวพุทธทั่วไป
หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องใน วันธรรมสวนะ
วันธรรมสวนะ เป็นวันที่พระสงฆ์นำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาเทศน์สอนประชาชนทั้งโดย ทางตรงและทางอ้อม เช่น ทางวิทยุกระจายเสียง ทางโทรทัศน์ เป็นต้น หลักธรรมที่ท่านนำมาเทศน์มีหลากหลายเพราะหลักธรรมที่พระสงฆ์นำมาเทศน์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการทำความดี ได้แก่
บุญ กิริยาวัตถุ 3 (1. ทานมัย 2. ศีลมัย 3.ภาวนามัย)
ไตรสิกขา (1. ศีล 2. สมาธิ 3. ปัญญา)
กิจกรรมที่ปฏิบัติในวันธรรมสวนะ หรือ “วันพระ”
ในวันพระ พุทธศาสนิกชนถือเป็นวันสำคัญ ที่ควรไปวัดเพื่อทำบุญ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ และฟังธรรม หรือถือศีล สำหรับผู้ที่เคร่งครัดในศาสนาอาจถือศีลแปดในวันพระด้วย นอกจากนี้ชาวพุทธยังถือว่าวันพระไม่ควรทำบาปใดๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น